Google ถูกฟ้อง ! หลังจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์โดยไม่ได้รับความยินยอม

biometric data

#PDPACase | Google ถูกฟ้อง ! หลังจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์โดยไม่ได้รับความยินยอม

Google ส่อโดนปรับอ่วม หลังอัยการสูงสุดแห่งรัฐเท็กซัสยื่นฟ้อง Google ในกรณีจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ (Biometric Data) ของชาวเท็กซัสกว่าล้านคน โดยไม่ได้รับยินยอมอย่างถูกต้อง

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ BeepingComputer รายงานว่า อัยการสูงสุดรัฐเท็กซัส Ken Paxton ได้มีการยื่นฟ้อง Google โดยกล่าวหาว่า Google ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง Google Photo, Google Assistant และ Nest Hub Max เพื่อรวบรวมข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometric Data) กราฟแสดงลักษณะเสียงพูด (Voiceprints) และบันทึกรูปหน้าไว้จำนวนมากโดยไม่ได้รับความยินยอม ตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐเท็กซัสที่กำหนดให้บริษัทต้องขอความยินยอมจากเจ้าของเมื่อมีการรวบรวมข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อัยการสูงสุดเท็กซัสได้ยื่นฟ้อง Google โดยในเดือนมกราคม 2022 ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดรัฐเท็กซัสได้ยื่นฟ้อง Google ในข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยการค้า และคุ้มครองผู้บริโภคของ Texas Deceptive Trade Practices หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์  ก็ได้มีการยื่นฟ้องอีกคดีหนึ่ง โดยกล่าวหาว่า Google มีการติดตามตำแหน่งของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม และมีการใช้ข้อมูลที่ระบุตำแหน่งในการทำโฆษณา

ต้องนับว่าเป็นปีที่หนักหนาสำหรับ Google เลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) ก็ได้มีการสั่งปรับ Google 60 ล้านเหรียญดอลลาร์ จากความผิดฐานรวบรวม และใช้ข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้ Android ในประเทศ เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ถึงธันวาคม 2018

และในเดือนมกราคม 2022 คณะกรรมาธิการสารสนเทศและเสรีภาพแห่งชาติของฝรั่งเศส (CNIL) ก็ได้มีการปรับ Google 170 ล้านเหรียญดอลลาร์ผู้ใช้ง เนื่องจากผู้เข้าใช้งานเข้าถึงการปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ได้ยาก ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในการยินยอมของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ Google ยังเคยต้องเสียค่าปรับมูลค่ากว่า 2.72 พันล้านเหรียญดอลลาร์จากการใช้ความได้เปรียบทางการตลาดเพื่อปรับแต่งผลการค้นหา และเคยถูกปรับ 1.7 พันล้านเหรียญดอลลาร์เพื่อขัดขวางโฆษณาของคู่แข่ง รวมไปถึงการถูกปรับ มูลค่า 220 ล้านยูโร ฐานขัดขวางคู่แข่ง และถูกปรับ 11.3 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพราะการรวบรวมข้อมูลเชิงรุก

ที่มา – BeepingComputer