สมาคมธนาคารไทย แจงเหตุ “แอปฯ ดูดเงิน” พร้อมแนะห้ามคลิกลิงก์แปลกปลอม

ข่าว แอปฯ ดูดเงิน กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อผู้ประกาศข่าวคนดังออกมาบอกเล่าประสบการณ์การถูกหลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงินจนสูญเงินกว่า 1 ล้านบาท จากกรณีดังกล่าวล่าสุดสมาคมธนาคารไทยได้ออกมาชี้แจงแล้ว

โดยสมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า ทางธนาคารสมาชิกได้รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยในเบื้องต้นได้มีการระงับธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย พร้อมให้ผู้เสียหายไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับสถานีตำรวจที่สะดวกหรือใกล้ที่สุด เพื่อนำหลักฐานมาใช้ในการขยายระยะเวลาการระงับธุรกรรมชั่วคราวไปอีก 7 วัน และดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการประสานงานกับผู้เสียหาย และเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนต่อไป 

ทั้งนี้ภาคธนาคารยังระบุว่า ธนาคารที่เกี่ยวข้องพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ ป้องกันและติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ขอให้ผู้เสียหาย และประชาชนที่ติดตามข่าวสารวางใจ

ไม่เพียงเท่านั้น สมาคมธนาคารไทย ยังได้ขอความร่วมมือจากประชาชนด้วยการหลีกเลี่ยง และไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งอื่นที่ไม่น่าเชื่อถือ งดตั้ง password ซ้ำ หรือ รหัสผ่านใช้ร่วมกับ Mobile Banking ไม่ทำการสแกนใบหน้า หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จักโดยเด็ดขาด อีกทั้งยังไม่ควรกดลิงก์จาก SMS แปลกปลอม หรือแอบอ้างว่าเป็นข้อความที่ส่งจากธนาคาร เนื่องจากในปัจจุบัน ธนาคารได้ยกเลิกนโยบายส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอด Line ID หากได้รับ SMS ดังกล่าว ให้คิดว่าเป็นข้อความหลอกลวง หากประชาชนมีข้อสงสัย หรือพบว่ามีธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ สมาคมธนาคารไทยได้แนะนำให้ติดต่อกับสายด่วนของธนาคารนั้น ๆ ทันทีเพื่อแจ้งให้ธนาคารตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

แอปฯ ดูดเงิน
แอปฯ ดูดเงิน
แอปฯ ดูดเงิน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องมิจฉาชีพโดนหลอกโหลด แอปฯ ดูดเงิน เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ โดยในเบื้องต้นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวไปกับบุคคลอื่น หรือผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะอาจเป็นสาเหตุให้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลทางการเงินรั่วไหล และมิจฉาชีพนำไปใช้ในทางมิชอบได้ ส่วนในภาคขององค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรมีระบบการรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่รัดกุม เป็นไปตามกฎหมาย PDPA ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดเก็บภายในองค์กรปลอดภัยมากขึ้น

สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ “OneFence”

Tel. : 081-972-2500

Line : @securitypitch

Email : [email protected]