Tiktok ยอมถอย ประกาศเพิ่มนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Tiktok

หลังจากถูกกดดันจากหน่วยงานในยุโรปเกี่ยวกับการแบนแอปฯ ติ๊กต่อก ในที่สุด Tiktok ก็ประกาศเพิ่มนโยบายด้านคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในยุโรป

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวได้เปิดเผยว่า Tiktok แพลตฟอร์มระดับโลกสัญชาติจีน ได้ประกาศมาตรการเพิ่มความปลอดภัย และการคุ้มครองข้อมูลให้กับผู้ใช้งานในยุโรป ด้วยการใช้ Security Gatewat ซึ่งเป็นระบบการรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต มาช่วยปกป้องการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวในยุโรป และการถ่ายโอนข้อมูลต่าง ๆ ไปนอกพื้นที่ยุโรป

ทั้งนี้ในการประกาศเพิ่มมาตรการความปลอดภัยระบุว่า หลังจากนี้การเข้าถึงข้อมูลใด ๆ ของผู้ใช้งาน นอกจากจะต้องทำตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว จะต้องมีการเข้าผ่าน Security Gateway และจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย โดยในการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทรักษาความปลอดภัยของยุโรป 

นอกจากนี้ Bytedance ก็ยังได้ระบุว่าจะนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้กับแอปฯ เพื่อรับรองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปกปิดอัตลักษณ์ของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้หากไม่มีข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เพิ่มเติม

ไม่เพียงเท่านั้นทางแอปพลิเคชันยังได้เปิดเผยว่าจะมีการเริ่มต้นรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานในยุโรปตั้งแต่ปีนี้ และจะมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในยุโรปอีก 2 แห่ง ได้แก่ในประเทศไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ หลังจากเปิดศูนย์ข้อมูลแห่งแรกเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดศูนย์ข้อมูลทั้ง 3 แห่ง จะต้องใช้เงินลงทุนรายปีรวม 1.2 พันล้านยูโร หรือเทียบเป็นเงินไทยราว 4.43 หมื่นล้านบาท 

การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ หลังจากที่ Tiktok มีผู้ใช้งานทั่วยุโรปมากกว่า 150 ล้านคน ซึ่งการที่มีจำนวนผู้ใช้งานสูงเช่นนี้ทำให้ Tiktok ต้องเพิ่มความรับผิดชอบในการคุ้มครองข้อมูลของผู้ใช้งาน ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความมั่นใจมากขึ้น

และแม้ Tiktok กำลังเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลก แต่ก็ยังคงประสบกับปัญหาการแบนแอปฯ บนอุปกรณ์ของหน่วยงานรัฐบาลในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรปบางประเทศ เนื่องจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นยังคงรู้สึกไม่มั่นใจเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างบริษัท Bytedance และรัฐบาลจีน รวมถึงยังมีความกังวลว่าข้อมูลของผู้ใช้งานอาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบได้

ขอบคุณข้อมูลจาก

english.news.cn

บทความที่น่าสนใจ