หวั่นใจกันเป็นแถว…จะทำอย่างไรเมื่อบัญชีโซเชียลโดนแฮ็ก

จากกรณี Facebook, Instagram และ Threds ล่ม เมื่อคืนวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้งานได้นานกว่า​ 2 ชั่วโมง ทำเอาผู้ใช้งานส่วนใหญ่ต่างกังวล คิดว่าถูกแฮ็ก user ไปแล้ว

การล่มของโซเชียลมีเดียเจ้าใหญ่ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 5 มีนาคม ไม่เพียงสร้างความกังวล แต่ยังสร้างความสงสัยถึงสาเหตุของการล่มในครั้งนี้หลากหลาย เช่น Facebook โดนแฮ็ก? บัญชี User ของตัวเองโดนแฮ็ก? อินเตอร์เน็ดล่ม? จนเกิดแฮชแท็ก  #เฟสล่ม, #ไอจีล่ม ขึ้นติดเทรนด์ X (Twitter) ของประเทศไทยในทันที

Andy Stone โฆษกของ Meta ทวีตโพสต์บน X หรือ Twitter ว่า 

“เมื่อเช้านี้ (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ปัญหาทางเทคนิคบางประการ ทำให้ผู้ใช้งานพบปัญหาการเข้าถึง บริการของเรา เราได้แก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด สำหรับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และเราขออภัยในความไม่สะดวก” 

แม้ว่าสาเหตุที่ระบบล่มครั้งนี้จะเกิดจากปัญหาเชิงเทคนิค หรืออาจเกิดจากสายเคเบิลใต้ทะเล “Red Sea” เสียหาย ส่งผลกระทบให้การรับส่งข้อมูลระหว่างเอเชียและยุโรปมีปัญหา ซึ่งทางบริษัท ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต HGC Global Communications ในฮ่องกง ต้องใช้มาตรการเปลี่ยนเส้นทาง การรับส่งข้อมูล หลังจากที่สายเคเบิล 4 เส้น จากทั้งหมด 15 เส้น ถูกตัดขาด ตามข้อมูลของ BBC

อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่า User ของตนถูกแฮ็ก เพราะเมื่อเข้าไปที่หน้าแอปฯ เมื่อไหร่นั้น จะไม่สามารถรีเฟรชได้และขึ้น “เซสชันส์หมดอายุ” ทุกหน้าฟีด 

Facebook เคยมีกรณีการเจาะระบบครั้งใหญ่และละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในปี 2019 ซึ่งเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้ Facebook มากกว่า 533 ล้านคน ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เช่น สถานที่ หมายเลขโทรศัพท์ ID ผู้ใช้ ชื่อบัญชี ถูกขโมยทั้งหมดหรือในกรณีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอันโด่งดัง อย่าง Cambridge Analytica

กรณีแอปฯ โซเชียลมีเดียโดนเจาะระบบจนระบบล่มยังไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้กับแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ แต่การเจาะระบบจนระบบล่มมักเกิดขึ้นกับแอปพลิเคชันในรูปแบบ Web3.0 หรือ Blockchain มากกว่า กลับกันแอปฯ โซเชียลมีเดียกลับกลายเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูลแบบ Phishing Scam ที่จะเน้นไปที่การขโมยข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่า

แล้วหากบัญชีบน Facebook หรือ Instagram หรือ แอปฯ ล่ม แต่ไม่ได้เกิดจากจากระบบที่ล่ม แต่เป็นการโดนแฮ็กขึ้นมาจริง ๆ  เราควรจะรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไรบ้าง ซึ่งมีวิธีรับมือด้วยกัน 5 วิธีดังนี้  

1. ตั้งสติและประเมินสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา

2 .เปลี่ยนรหัสผ่าน และต้องไม่ใช่รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย 

3. เปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบ 2FA 

4. ตรวจสอบบัญชีอยู่บ่อย ๆ คอยดูความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เช่น การพยายามเข้าล็อกอินบัญชีของเรา

5. ติดต่อฝ่ายสนับสนุน ของแอปพลิเคชั่น ทำการรายงานบัญชีแปลกปลอม

ที่มา : CNBC, Linkedin, BBC, Indusface

สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ “OneFence”

Tel. : 081-972-2500
Line : @securitypitch
Email : [email protected]

บทความที่น่าสนใจ